กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อาณาจักรใกล้เคียงนามว่า “สิงคโปร์”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อาณาจักรใกล้เคียงนามว่า “สิงคโปร์” ผู้คนมากมายต่างคิดว่าอาณาจักรแห่งนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ ความจริงแล้วทุกคนคิดผิดเกริ่นมาขนาดนี้เเล้ว…..และที่ที่เราจะไปก็คือ!คือ! สิงคโปร์ จ้า!!!!!แน่นอนเราเป็นเจ้าหญิงนางเงือก(หรอ?)เราไม่สามารถตื่นเช้าและใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังความคุ้มค่าของเวลาที่ใช้ไปเพราะวันๆเราเน้นแต่ถ่ายรูป ที่สำคัญรูปต้องดี ถ้าไม่ดีก็อยู่ถ่ายไปจนกว่ารูปจะดี !ทริปนี้เราไปทั้งหมด 4คืน5วัน เที่ยวชิลๆมีเวลาเหลือเฟือ ช่วงที่เราไปค่อนข้างร้อนเพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญมากคือร่มและพัดลม ส่วนการเดินทางเนื่องจากทริปนี้เราไปกันสี่คน การนั่งแท็กซี่จึงเป็นอะไรที่สะดวกที่สุดและค่อนข้างคุ้ม ส่วนตัวแล้วคิดว่าบางทีเรียกGrabถูกกว่าแท็กซี่เพราะบางทีมิตเตอร์แท็กซี่ยังไม่รวมค่าสถานที่ ค่าผ่านทาง บางวันถ้าไม่เหนื่อยมากก็จะใช้MRT แต่ทางเดินเวลาเปลี่ยนสายคือไกลมากกกกก น้องเมื่อยเหลือเกิน แนะนำให้โหลดแอพ Singapore MRT LRT Offline / Singapore Travel by MRT เอาไว้โด้ยย แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น ที่พักเรานอนพักที่โรงแรม Grand Park City Hall⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ คืนละประมาณ 4,000-5,000บาท อยู่ใกล้กับสถานีCity Hall ส่วนตัวคิดว่าโลเคชั่นดีพอสมควร โรงแรมอยู่ใจกลางเมืองใกล้ห้าง ร้านอาหาร (และที่สำคัญใต้สถานีมีร้านชานมไข่มุกTiger Sugar กินทุกวันเพราะตอนนั้นยังไม่เข้าไทย แหะ) สรุปก็คือโรงแรมเริช สะอาดสวยหรูดูแพง แต่ราคาไม่แรงมาก ความเท่อีกอย่างก็คือเราสามารถคอนโทรลเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างในห้องจากแอพมือถือ เหมาะสำหรับคนขี้เกียจแบบเราเป็นที่สุด รวมๆแล้วให้ 8/10คะแนน หักนิดนึงเพราะเดินไกลไปนิสสำหรับอินเตอร์เน็ตเราซื้อซิมผ่านทางแอพKlookในราคา 253บาท ให้เน็ทเยอะมาก สามารถรับที่Changi Airportได้เลย หลังจากรับซิมแล้วก็อย่าลืมซื้อบัตร EZ Link ซึ่งใช้สำหรับขึ้นMRT บัส ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ ก่อนเข้าเมืองด้วยยยยรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละที่อยู่ใต้รูปนะคะอย่าลืมกด LIKE เพจ Journey of the LittleMermine ด้วยนะคะ

Welcome to Singapore ทริป 5 วัน 4 คืน เที่ยวชิลๆ ไม่เน้นปริมาณ เน้นความสบายนอนดึกตื่นสาย พร้อมแล้ว Let’s Start our Journey!
Day1 เราเดินทางมาถึงประเทศสิงคโปร์เวลา 11:15 ใช้เวลาเดินทางประมาณ2-3ชม กว่าจะแต่งหน้า เปลี่ยนชุด ไปเอาซิม ซื้อEz Link ก็บ่ายกว่าแล้วจ้า (เกิดเป็นผู้หญิงนั้นลำบากㅠㅠ) เมื่อจัดการหน้าผมเสร็จก็ถึงเวลาเสด็จออกจากสนามบินสักที ทางเราเลือกที่จะนั่งGrabไปที่โรงเเรมเนื่องจากฝนตกหนักมากจ้า กว่าจะไปถึงโรงแรม ขึ้นไปเก็บของ หาข้าวกินเสร็จ ก็เกือบสี่โมงแล้วจ้าสุดยอดไปเรย เพราะฉะนั้นที่แรกและที่เดียวที่เราจะไปวันนี้ก็คือ ‘Garden by the Bay’ (ด้านนอก) ซึ่งโซนนี้ไม่ต้องเสียค่าเข้านะคะ มุมนี้จะอยู่ด้านบน ต้องเดินบันไดขึ้นไป ส่วนมากคนไม่ค่อยขึ้นมาเดินกัน ถ่ายรูปสบายจ้า Tips สำหรับการแต่งกายแนะนำให้ใส่เดรสและหมวกบาน จะทำให้รูปดูมีelementมากขึ้น การดินทาง MRT สถานี Bayfront ทางออก A มาง่ายมากๆมีป้ายบอกตลอดทางเลยจ้า
Garden by the Bay เช่นกัน มุมนี้ก็อยู่ในโซนเข้าฟรีนะคะ อยู่ตรงชั้นล่างเลย อาจจะคิดไม่ออกว่าตรงไหนจริงๆแล้วมุมนี้อยู่ตรงฐานของต้นสูงๆในรูปแรกนั่นเอง
บางทีคนเราก็ชอบเดินมั่วๆไปเจอมุมถ่ายรูปดีๆโดยไม่รู้ว่าที่ๆนั้นชื่อว่าอะไร…… ใครอยากได้รูปมุมนี้ลองกด google mapไปที่ Fort Canning Hotel ต้นนี้ตั้งเด่นสง่าอยู่เยื้องๆโรงแรมเลย หาไม่ยาก
โปรแกรมท่องเที่ยวฉบับ 4วัน5คืน แต่จริงๆถ้าตื่นเช้าและไม่ใช้เวลาถ่ายรูปนาน แค่3-4วันก็เที่ยวครบแล้วแหละ
Day2 Universal Studio!!!!!! เนื่องจากทางเราเป็นคนที่ชอบไปสวนสนุกมาก เพราะฉะนั้นเราจึงใช้เวลาของวันที่2อยู่ที่นี่…..ทั้งวัน เล่นตั้งแต่เปิดจนปิดไปเลย จุกๆ สำหรับเครื่องแต่งกายแนะนำให้แต่งตัวทะมัดทะแมงอย่าใส่กระโปรงบานๆมาเลยเพราะจะเล่นเครื่องเล่นไม่สะดวก และก็ไม่ควรใส่ขายาวแขนยาวมาเช่นกันเพราะว่าร้อนมากจ้า รองเท้าควรเป็นหุ้มส้นเพราะบางเครื่องเล่นอาจจะทำให้รองเท้าลอยหายไปได้ ของที่สำคัญมากๆถึงมากที่สุดคือ ร่ม พัดลม และ ยาดม . . . มายน์แนะนำว่าให้ซื้อบัตรเข้าสวนสนุกล่วงหน้าไว้เลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิว ครั้งนี้เราซื้อบัตรล่วงหน้าจากทางแอพKlook สะดวกมากๆแล้วก็ราคาถูกกว่าซื้อหน้าสวนสนุกด้วยแหละ
ในสวนสนุกUniversal Studioมีที่ถ่ายรูปสวยๆมากมาย หนึ่งในนั้นคือร้านอาหาร ‘Mel’s Drive-In’ อยู่แถวโซน Sci-Fi Cityมั้งนะถ้าจำไม่ผิด อาหารที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกFast Food เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เฟร้นฟราย สำหรับเราคิดว่ารสชาติโอเคเลย ราคาอยู่ที่ประมาณ 14-16SGD
เมนูพิเศษสำหรับช่วงครบรอบ 50ปี Sesame Street น่ารักมากเหมาะกับการถ่ายลงสตอรี่เหลือเกิน
เนื่องจากในร้านคนเยอะมาก มุมที่ไม่มีคนเดินผ่านเท่าไรก็คือ หน้าอ่างล้างมือนั่นเองจ้า
แวะถ่ายรูปกรุบกริบก่อนจะไปเล่นเครื่องเล่นต่อ เทคนิคถ่ายรูปยังไงให้ขาดูยาว: เอาขาข้างนึงมาไว้ข้างหน้า และพ้อยท์เท้าไว้
รีวิวเครื่องเล่นใน Universal Studio Singapore สายหวาดเสียว มันส์ๆ -Transformers The Ride: The ultimate 3D Battle เครื่องเล่นที่ฮิตที่สุด ถ้าใครเคยไป Universal ที่ญี่ปุ่น เครื่องเล่นนี้จะมีความคล้ายSpiderman มีความนั่งรถเข้าไปกอบกู้โลก ต่อสู้กับตัวร้ายต่างๆ สนุกดีไม่ค่อยเสียวมาก แต่สำหรับเราเล่นเสร็จแอบมึนหัวนิดหน่อย -Battlestar Galactica: CYLON รถไฟเหาะที่เสียวที่สุดในนี้ จริงๆแล้วมีอยู่สองแบบ จะมีHUMAN รางแดง และ CYLONรางเทาที่เราเล่น จะแตกต่างกันตรงที่รางแดงจะเป็นแบบนั่งบนรถไฟส่วนรางเทาจะเป็นแบบห้อยขาเลยจ้า ไหนๆมาแล้วอยากเสียวทั้งทีต้องจัดไปให้สุด -Revenge of the Mummy เป็นเครื่องเล่นที่เราคิดว่าสนุกที่สุด มันจะเป็นเหมือนรถไฟเหาะindoor ค่อนข้างเร็ว มีถอยหลัง ระหว่างทางค่อนข้างมืดๆหลอนๆ ด้วยความกลัวมัมมี่เราเลยหลับตาทั้งทางเลยจ้า -Jurassic Park Rapids Advanture เป็นเหมือนล่องแก่งกลมๆ ใครโชคร้ายมีสิทธิ์เปียกพอสมควร ตอนแรกคิดว่าน่าจะคล้ายJurassic Parkของญี่ปุ่น แต่พอเข้าไปเล่นแล้วสนุกกว่าที่คิด มีช่วงตื่นเต้น มีโมเม้นให้ตกใจ แนะนำให้เล่นช่วงเย็นๆ บรรยากาศจะมืดๆทำให้รู้สึกตื่นเต้นกว่าเล่นช่วงกลางวัน -Canopy Flyer ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ เหมือนขึ้นไปดูวิวไม่ค่อยหวาดเสียว สายแบ๊วๆ นั่งชิลๆ -Sesame Street Spaghetti Space Chase เครื่องเล่นเหมาะสำหรับเด็ก น่ารัก สดใส -Madagascar ล่องเรือไปเรื่อยๆ ดูสัตว์ เพลินดี วันที่เราไปตรงกับวันศุกร์พอดี เลยมีโอกาสได้ดูพาเรทไฟ สำหรับเราเราคิดว่าพาเรทของดิสนีย์จะมีความอลังกว่า แต่พาเรทของที่นี่จะมีความว้าว อย่างเช่นในขบวนจะมีมัมมี่ ซึ่งมัมมี่หน้าตาน่ากลัวมากจ้า นอกจากนั้นก็จะมี Shrek, Jurassi Park, Hollywood อะไรประมาณนี้
รูปนี้มีความนกน้อยในรังมากเวอร์ มุมนี้แอบหายากนิดหน่อย อยู่ในซอยที่มีรถสีเหลืองเดินเข้าไปจะเจอมุมถ่ายรูปหลายมุมเลย
หลังจากที่อยู่ดูพาเรทจนจบ ทางเราก็เกิดอาการหิวขึ้นมา ด้านหน้าสวนสนุกจะมีร้านอาหารอยู่ประมาณ4-5ร้าน เราจึงเลือกร้านที่คุ้นเคยและมั่นใจว่าอร่อยนั่นก็คือ Din Tai Fung นั่นเองจ้า ส่วนตัวคิดว่ารสชาติก็เหมือนๆกับที่ไต้หวันอยู่นะ เสี่ยวหลงเปาคือ The Best
Day3 วันนี้สถานที่ที่เราจะไปส่วนมากเป็นสีเขียว เราเลยเลือกที่จะใส่เดรสสีเหลืองสีมันจะได้ตัดกัน ที่แรกที่เราไปก็คือ ‘Fort Canning’ อุโมงค์ยอดฮิท ออกมาจากสถานีDhoby Ghaut ทางออกB แล้วเดินๆไปตามGoogle Mapถ้าเจอจุดที่คนยืนรอคิวมากมายเมื่อไรขอให้รู้ว่าคุณมาถูกที่แล้ว ใครอยากมาถ่ายรูปที่มุมนี้ต้องเผื่อเวลาหน่อยนะเพราะจะต้องต่อคิว ถ่ายทีละคน ระหว่างยืนรอก็คิดท่าไปว่าจะทำท่าไหนดี เห็นคนหน้าๆส่วนใหญ่นั่งถ่าย มายน์เลยคิดว่าเราลองยืนถ่ายดีกว่า โอโห้พอเอาเข้าจริงตอนยืนนี่ขาสั่นพับๆเลยจ้า แต่รูปออกมาดี ถือว่าคุ้ม
ตรงนี้เป็นทางเดินข้างๆทางขึ้นบันได Fort Canning ถ่ายรูปตรงบันไดเสร็จแล้วเดินมาถ่ายตรงนี้ได้รูปอีกเพียบ หรือใครไม่อยากรอคิวถ่ายที่บันไดก็มาถ่ายตรงนี้แทนก็ได้
เดินขึ้นบันไดที่Fort Canningมาจะทะลุออกมาเจอโรงแรม Fort Canning Hotel ที่เดียวกับที่เราถ่ายรูปต้นไม้ในรูปด้านบน
จากFort Canningเดินต่อมาที่Old Hill Street Police Station ประมาณเกือบ10นาที หรือใครขี้เกียจเดินจะเรียกgrabหรือแท็กซี่ก็ได้น่าจะนั่งมาแค่2-3นาทีเท่านั้น ส่วนถ้ามาจากMRT ให้ลงที่สถานี Clarke Quay Station Exit F แล้วเดินมานิดหน่อย กว่าจะได้รูปที่ไม่ติดรถ+คน คือยากมากแม่ ต้องอาศัยความเร็วสุดๆ แต่แนะนำว่าถึงแม้เราจะอยากได้รูปดีขนาดไหน อย่าข้ามไปถ่ายรูปกลางถนนเลยน้า เดี๋ยวจะโดนตำรวจจับ
ถ่ายรูปมาเหนื่อยๆแวะพักทานข้าวที่ร้านอาหารชื่อดัง Song Fa Bak Kut Teh ใครมาสิงคโปร์แล้วไม่ได้กินถือว่ามาไม่ถึง เราไปกินช่วงสามสี่โมงคนไม่เยอะมาก ไม่ต้องรอคิวเลย แฮปปี้ เมนูที่ชอบมากๆ -Pork ribs soup ซุปบักกุ๊ตเต่กระดูกหมู มีความเผ็ดร้อน อร่อยมากๆ ถ้าเราทานซุปหมดก็สามารถเรียกให้พนักงานมาเติมซุปฟรีได้ตลอด กระดูกหมูตุ๋นมาจนเปื่อย เอามาจิ้มกับซีอิ๊วกินคือฟิน -ขาหมูพะโล้ คือดีมาก เข้มข้นกว่าพะโล้บ้านเรานิดหน่อย รวมๆแล้วให้ 9/10 ส่วนตัวแอบคาดหวังไว้มากกว่านี้
ตึกพาสเทลสีสันน่ารักสดใสแถวย่าน Clark Quay ย่านClark Quayเป็นย่านที่เหมาะสำหรับการมานั่งชิวตอนกลางคืนมาก มีร้านอาหารและร้านนั่งชิวมากมาย มู้ดดีสุดๆ
ตึกนี้ถ่ายรูปสวยมากๆ อยู่แถวๆ Little India ไม่รู้จะ search google map ว่าอะไรเพราะไม่รู้ชื่อ ㅠㅠ หาเจอ
แบบงงๆ รู้แค่ว่าอยู่ตรงถนน Petian Road คนไม่น่าจะรู้จักที่นี่กันเท่าไร ดูๆแล้วเหมือนเป็นตึกแถวมีที่พัก มีที่สอนโยคะ อะไรประมาณนี้
ถ่ายรูปเก่งง เซลฟี่เก่งง โล่งมาก ไม่ค่อยมีคนเลย ถ้าใครจะมาตามก็อย่าส่งเสียงดังมากนะบางห้องเหมือนจะเป็นที่พักเดี๋ยวจะไปรบกวนผู้พักอาศัย
คิดถูกมากๆที่ใส่เดรสสีเหลืองมา สีตัดกันสุดๆ💛💚
Day4 ArtScience Musuem อยู่ข้างบนห้าง Marina Bay นะคะ แนะนำให้มาเช้าๆเพราะคนเยอะมาก กว่าจะได้รูปที่ไม่ติดคนคือยากเหลือเกิน ด้านในมีมุมถ่ายรูปสวยๆมากมาย มีกิจกรรมให้วาดรูปแล้วเอาไปแสกนจากนั้นรูปที่เราวาดก็จะไปปรากฏอยู่บนสกรีน ให้เราถ่ายไปลงสตอรี่เก๋ๆ
ไฟตรงนี้จะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆนะคะ แล้วแต่ว่าเราจะถ่ายทันตอนมันเป็นสีอะไร แนะนำให้ใส่กระโปรงบานๆมาแล้วจะได้รูปที่ดี
ตรงนี้กว่าจะได้รูปที่ไม่ติดคนคือแทบยอมแพ้ เด็กๆวิ่งไปมาตลอดเวลา
Cloud Forest อยู่ในGarden by the Bay ส่วนนี้จะต้องซื้อตั๋วเข้านะคะ มายน์ซื้อผ่านทางแอพ Klook เหมือนเดิม ราคา530บาท เข้าได้ทั้ง Cloud Forest และ Flower Dome
เข้ามาคือแอร์เย็นมาก มีความสุขเหลือเกิน เนื่องจากวันที่มายน์ไปคนเยอะมากกกกกกกก การถ่ายรูปหน้าน้ำตกให้ไม่ติดคนจึงเป็นอะไรที่ยากมาก เราจึงจำต้องไปหามุมอื่นแทน
Flower Dome เอาจริงมันมีความเหมือนงานพืชสวนโลก ดอกไม้เยอะแต่คนข้างในคือเยอะยิ่งกว่าดอกไม้ น้องผิดเองที่มาวันอาทิตย์
Grand Park City Hall Hotel จริงๆแล้วที่เลือกจองที่นี้เพราะคิดว่าสระว่ายน้ำสวยซึ่งก็สวยจริงๆ โรงแรมมีความไฮเทคมากถึงมากที่สุด เราสามารถควบคุมทุกอย่างได้จากแอพในโทรศัพท์ เช็คราคาจากลิงค์นี้ได้เลย http://www.booking.com/Share-xBbDnp
อีกมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำมีไว้เพื่อถ่ายรูปไม่ได้มีไว้ออกกำลังกาย จัม!
Day5
วันสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
ช่วงนี้ArtScience มีนิทรรศการ Alice’s Adventures in Wonderland จัดถึงวันที่ 22กันยายน 2019 เป็นinteractive exhibition เน้นให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมกับงาน

ก่อนเข้าเราจะได้รับแผนที่ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับตัวละครที่แตกต่างกัน เราจะต้องใช้แผนที่นี้ในการชมส่วนต่างๆของนิทรรศการ

แผนที่น่ารักมาก💓
ด้านในมีรูปภาพ ประวัติ เรื่องราวของอนิเมชันเรื่องAlice in the Wonderland ตั้งแต่ภาคแรก ใครเป็นแฟนคลับเจ้าหญิงอย่างเราห้ามพลาด
สวัสดีจ่ะอลิสเราเมอร์มายเอง จำเราได้มั้ย
หนูอยากเป็นอลิสบ้างค่ะ แต่ตัวใหญ่เกินเข้าบ้านไม่ได้ บันไดจะหักแล้ว
ประดิษฐ์เก่ง เหมือนตอนเด็กๆไม่มีให้เล่น ตั้งใจทำเหลือเกิน กิจกรรมตรงโซนนี้ก็คือ เค้าจะมีสติกเกอร์ให้เราเอาไปตัดแต่งแล้วแปะลงบนด้านหลังแผนที่ของเรา หลังจากทำเสร็จก็ให้เราเอาแผนที่ไปแสกน แล้วถ่ายใบหน้าของเรา แล้วหน้าของเราก็จะไปปรากฏเป็นทหารของราชินีคอยทาสีดอกกุหลาบ และลายชุดไพ่ก็จะมาจากภาพที่เราแปะนั่นเอง
ว้าวๆ สิ่งนี้คืออะไรกันนะ
ไฮไลท์ของงานนี้ก็คือ Mad Hatter’s Tea Party เป็นนิทรรศการแบบ3D ฉายถึงเรื่องราวในปาร์ตี้น้ำชา น่ารักมากๆ ใครมาสิงคโปร์ช่วงนี้ห้ามพลาด ค่าเข้าอยู่ที่ 19SGD สำหรับต่างชาตินะคะ ต้องมาซื้อหน้างานน้า ไม่มีขายในแอพ Klook เน้อ
Canton Paradise มีหลายสาขาในสิงคโปร์ แต่ที่มายน์ไปกินมาอยู่ที่ตึก Marina Bay Sands ขอบอกว่าติมซำอร่อยมาก บะหมี่หมูแดง ก็ดี เส้นบะหมี่มีความกรุบๆ ส่วนเมนูที่มายน์ชอบมากๆๆก็คือ Crispy Prawn and Mango Salad คือมันจะเป็นเหมือนกุ้งทอดแล้วก็มีมะม่วงสุกข้างใน คือมันอร่อยมากๆ อยากบินไปกินอีก
บ๊ายบาย หมดเวลาสนุกแล้วสิ หยุดเรียนมานานได้เวลากลับไปชดใช้กรรมแล้วจ้า เจอกันใหม่ทริปหน้า ฝากติดตามทริปต่อๆไปด้วยนะคะ❤️ ติดตามทริปแบบเรียลไทม์ได้ทาง instagram: littlemermine

Recommended Articles